ข้อมูลประกาศ 010156
  • 69,900 บาท
ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 02-3314146,0922518139
  • 29 ก.ย. 2557 10:07 น.

99KEP-EK-PL-SK-HU

สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
ราคาทัวร์ 69,900 บาท : 5-12 ธ.ค. / 25 ธ.ค. – 1 ม.ค. / 23-30 ม.ค. / 20-27 ก.พ. / 12-19 มี.ค./ 20-27 มี.ค.
ราคาทัวร์ 73,900 บาท : 8-15 เม.ย. / 9-16 เม.ย. / 23-30 เม.ย. / 1-8 พ.ค.
ราคาทัวร์ 75,900 บาท : 11-18 เม.ย. / 12-19 เม.ย.58

วันแรก กรุงเทพมหานคร

22.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน T (แถว T 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเอมิเรสต์ แอร์ไลน์ส (EK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่สอง ดูไบ - วอร์ซอว์ (โปแลนด์)

01.35 น. ออกเดินทางสู่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบิน EK 385 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.45 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯมีบริการ อาหารค่ำระหว่างเที่ยวบินสู่นครดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
04.40 น. เดินทางถึงนครดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน EK179 อิสระให้ท่านได้ช็อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินดูไบ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
07.25 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ (DXB) สู่สนามบินวอร์ซอว์ (WAW) โดยสายการบินเอมิเรสต์ แอร์ไลน์ส บริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 6.15 ชม.)
11.30 น. เดินทางถึงสนามบินกรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านขึ้นนั่งรถโค้ชปรับอากาศเดินทางสู่ กรุงวอร์ซอว์ เมืองที่มีอายุกว่า 700 ปี กรุงวอร์ซอว์เรียกได้ว่าเป็นเมืองใหม่แห่งหน้าประวัติศาสตร์ชาติโปแลนด์และประวัติศาสตร์โลก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความเกี่ยวข้องกับ ฮิตเลอร์, การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และ เป็นเมืองที่ถูกทำลายมากที่สุด เรียกได้ว่ากว่า 96% ของเมืองหลวงแห่งนี้ โดนกองกำลังทหารนาซีเผาทำลายล้างจนแทบไม่เหลือความเป็นเมืองหลวง แต่หลังสงครามเสร็จสิ้นชาวโปลิชได้ช่วยกันบูรณะซ่อมแซมก่อสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจบวกกับความเสียสละของประชาชนทำให้วอร์ซอว์ในวันนี้กลับมาเป็นเมืองเก่าในประวัติศาสตร์ ที่สวยงามดังเดิม

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเที่ยวชม ย่านเมืองเก่าวอร์ซอว์ (Warsaw Old Town) ย่านประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองเก่าวอร์ซอร์เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ในปี ค.ศ.1980 ครอบคลุมถึงศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของวอร์ซอว์ (Historic Centre of Warsaw) อันประกอบด้วย โบสถ์ พระราชวัง ตลาด และอาคารบ้านเรือนโดยรอบ นำท่านเดินชมความงามและแวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญภายในเขตเมืองเก่า จากนั้นนำท่านสู่ ย่านตลาดเก่า (Old Town Market Place) ย่านท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความเก่าแก่ที่สุดของเมืองเก่าวอร์ซอว์ โดยอาคารส่วนใหญ่ล้วนแล้ว แต่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ซึ่งประกอบไปด้วย ศาลาว่าการ (City Hall) ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าอื่นๆ สิ่งก่อสร้างที่เป็นสถาปัตยกรรมจากยุคกลาง อาทิเช่น กำแพงเมืองเก่า (city walls) ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ วิหารเซนต์จอห์น (St. John's Cathedral) วิหารคาทอลิกที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าวอร์ซอว์ เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงวอร์ซอว์ วิหารนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในศิลปะสไตล์เมโซเวียนโกธิค

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NOVOTEL CENTRUM WAWSAW HOTEL **** หรือเทียบเท่า

วันที่สาม คีลซ์ – คราคูฟ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคีลซ์ (Kielce) (ระยะทาง 181 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง) เมืองทางภาคกลางของประเทศโปแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสองเมืองใหญ่ คราคูฟ และวอร์ซอว์ เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องอากาศที่บริสุทธิ์ ธรรมชาติที่สมบูรณ์ สวนสาธารณะเขียวขจีและที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสบายๆ เมืองคีลซ์นับเป็นเมืองแรกในประเทศโปแลนด์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประกาศอิสระภาพจากการปกครองโดยกองกำลังรัสเซีย ภายใต้การต่อต้านจากแกนนำ โจเซฟ พิลซัสกี้ ผู้นำของกองกำลังโปแลนด์ ซึ่งภายหลังสิ้นสุดสงครามอันยาวนาน ประเทศโปแลนด์ก็ได้ประกาศอิสรภาพหลังถูกแบ่งแยกดินแดนมากว่า 123 ปี นำท่านชมความน่ารักและความสวยงามของเมืองคีลซ์ นำท่านถ่ายรูปกับพระราชวังฤดูร้อน สถานที่พำนักของบิชอปแห่งคราคูฟ ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี นำท่านเดินเล่นในจัตุรัสใจกลางเมือง สถานที่นัดสังสรรค์ของชาวเมือง

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคราคูฟ (Cracow) (ระยะทาง 118 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชั่วโมง) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของโปแลนด์เมื่อ 1,000 ปีก่อนและเป็นเมืองหลวงของโปแลนด์นานถึง 600 ปี ก่อนย้ายไปที่กรุงวอร์ซอว์ในปี ค.ศ. 1596 และในปี ค.ศ. 1978 คราคูฟก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศโปแลนด์ นำท่านเที่ยวชมเมืองคราคูฟ ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมากที่สุดเมืองหนึ่งเห็นได้จากอาคารบ้านเรือนที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมทุกยุคทุกสมัยทั้ง โรมาเนสก์, โกธิค, เรอเนอซองส์, บาโรค และ ร็อคโคโค เริ่มจาก ตลาดนัดรีเน็ค โกลนี่ (Market Square) ซึ่งเป็นจตุรัสกลางเมืองอันเป็นดั่งหัวใจของการเที่ยวชมเมือง โดยจัตุรัสแห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วยบรรยากาศของบ้านเมืองในยุคกลางมากที่สุด ตามถนนหนทางจะเรียงรายไปด้วยร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านกาแฟ, ผับ, ร้านอาหารต่างๆ และอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดในยุโรป ซูเคียนนีส (Sukiennice) ที่ซึ่งสามารถหาซื้อทุกอย่างได้ดังใจปรารถนา จตุรัสนี้ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์แมรี (St. Mary Church) โบสถ์ชื่อดังของคราคูฟ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 14 โดดเด่นด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ภายในโบสถ์มีแท่นบูชาสูง 13 เมตร ถือเป็นแท่นบูชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก รังสรรค์ขึ้นโดยศิลปินชาวนูเรมเบิร์ก ลวดลายแกะสลักเป็นตำนานในพระคัมภีร์ไบเบิล นำท่านถ่ายรูปกับ ปราสาทวาเวล (Wawel royal castle) สถาปัตยกรรมศิลปะแบบเรเนซองส์ที่งดงามแห่งหนึ่งของยุโรปซึ่งในอดีตเคยเป็นพระราชวังหลวง ที่ประทับของกษัตริย์โปแลนด์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 จนกระทั่งเมืองหลวงย้ายไปอยู่ที่วอร์ซอว์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารวาเวล (Wawel Cathedral) มหาวิหารที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ทุกพระองค์ อีกทั้งยังเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์ ขุนนาง ผู้นำทางศาสนา ตลอดจนวีรบุรุษที่มีชื่อเสียง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NOVOTEL CENTRUM KRAKOW HOTEL **** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ ค่ายกักกันเอาสช์วิตช์ – เหมืองเกลือวิลลิกซ์กา – โปปาร์ด (สโลวาเกีย)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เหมืองเกลือวิลลิกซ์กา เพื่อเข้าชมความมหัศจรรย์และความยิ่งใหญ่ของ เหมืองเกลือ ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เหมืองเกลือแห่งนี้เป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ปีค.ศ.1978 ปัจจุบันหยุดดำเนินการทำเหมืองไปแล้ว และได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโปแลนด์ โดยเหมืองแห่งนี้ถูกค้นพบในศตวรรษที่ 13 นำท่านพิสูจน์ความอัศจรรย์ของเหมืองเกลือใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีเกลือโดยธรรมชาติมานานกว่า 20 ล้านปี เหมืองเกลือแห่งนี้มีการขุดลึกลงไปถึง 327 เมตร แบ่งออกเป็นชั้นใต้ดินต่างๆ ถึง 9 ชั้น ท่านจะทึ่งกับอีกหนึ่งความอัศจรรย์ภายในเหมืองเกลือที่มี ห้องโถงต่างๆ และ โบสถ์เซนต์กิงก้า (Chappel of St. Kinga) ซึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีการประดับตกแต่งด้วยแชนเดอเลียร์ที่ทำจากเกลือสองข้างสลักรูปนูนต่ำบนหินแร่เกลือ ตามแบบผลงานของศิลปินดัง ลีโอนาโด ดาวินชี นำท่านเดินทางลึกลงไปที่ชั้น 3 ในใจกลางของเหมืองที่มีทะเลสาบอยู่ภายในเหมืองแห่งนี้ นอกจากนี้ภายในเหมืองยังมีแกลอรี่และห้องซึ่งสร้างและแกะสลักจากเกลือทั้งหมด นำท่านกลับขึ้นด้านบนด้วยลิฟท์โดยสาร

นำท่านเดินทางสู่ ค่ายกักกันเอาสช์วิตช์ (Auschwitz Birkenau) เป็นค่ายกักกันและค่ายมรณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาค่ายกักกันของนาซี ที่กลุ่มนาซีเยอรมันใช้เป็นที่ทำการในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ายแห่งนี้จัดเป็น 1 ใน 5 มรดกโลกในประเทศโปแลนด์ที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนไว้ พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันแห่งนี้สะท้อนความน่าสยดสยองและความทารุณโหดร้ายของสงคราม ซึ่งเริ่มจากเยอรมันเข้ายึดโปแลนด์ได้ในปลายปี ค.ศ. 1939 ความต้องการหาค่ายกักกันเชลยศึกต่างๆ จนมาพบสถานที่ที่รัฐบาลโปแลนด์ใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมือง จึงได้ดัดแปลงตามแบบของนาซีและเริ่มต้นใช้ปีค.ศ.1940 เป็นต้นมา ภายในพิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของจริงของชาวยิวที่นาซีได้ยึดไว้, ห้องอาบน้ำ, ห้องที่นาซีใช้สำหรับกำจัดเชลยโดยใช้แก๊สพิษสังหารหมู่ชาวยิว ค่ายกักกันเอาสช์วิตช์ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น “โรงงานสังหารมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของนาซี” หลังจากที่มีการประกาศความเป็นอิสรภาพให้กับค่ายแห่งนี้ มีเหยื่อที่รอดชีวิตจากความโหดร้ายของนาซีเพียง 60,000 กว่าคนจากชาวยิวนับล้านที่ถูกสังเวยชีวิตที่นี่

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองโปปาร์ด (Poprad) ประเทศสโลวาเกีย (ระยะทาง 143 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) เมืองที่เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศฮังการีในช่วงศตวรรษที่ 10 ก่อนที่กองทัพเยอรมันจะเข้ายึดครองเพื่อทำเกษตรในช่วงศตวรรษที่ 13 จนถูกขนานนามว่าหมู่บ้านเยอรมัน ปัจจุบันเมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศ
สโลวาเกีย ในด้านสังคมและวัฒนธรรมแห่งเทือกเขา High Taras ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกหลายแห่ง นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ชื่น ชอบของเหล่านักเล่นสกีและปีนเขา และเคยขอเสนอชื่อเพื่อจัดโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2006 ได้เวลานำทุกท่าน ชมโบสถ์ St. Egidius (Church of St. Egidius) ที่มีความสวยงามตามแบบศิลปะแบบโกธิคสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 และนำท่านชมอาคารบ้านเรือนในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งยังคงสภาพสมบูรณ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาเยือนและเก็บภาพความน่าประทับใจของเมืองท่องเที่ยวอีกแห่งในประเทศสโลวาเกีย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมพักที่ HOTEL MOUNTAIN VIEW **** หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า ถ้ำน้ำแข็งดอปซินก้า – ซาปิส - ปราสาทซาปิส – โคซิเซ่

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำน้ำแข็งดอปซินก้า (Dobšinská Ice Cave) เพื่อเข้าชมหนึ่งในถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และใหญ่ที่สุดในประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใต้เทือกเขา Duča มีความยาวถึง 1,232 เมตร และลึก 112 เมตร ภายในถ้ำมีความสวยงามเป็นอย่างมาก จนได้ถูกยกย่องเป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1995 โดยถ้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของถ้ำ Aggtelek Karst and Slovak Karst อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความน่าอัศจรรย์ทางธรรมชาติตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเลโวกา (Levoca) (ระยะทาง 49 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) อีกเมืองมรดกโลกแห่งสโลวาเกีย ซึ่งได้ยกย่องจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกในปี 1993 นำท่านชมความน่ารักของเมืองเลโวกา ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองก์และโกธิค นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์แห่งเซนต์เจมส์ (Church of St. James) โบสถ์ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกซึ่งสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบโกธิคยุคปลายใน
ช่วงศตวรรษที่ 14

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเข้าชมปราสาทซาปิส (Spis Castle) ปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในช่วงยุคกลางในแถบยุโรปตะวันออก ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 ตามแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์และโกธิค เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของแคว้นซาปิส ปราสาทแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในปี 1993 โดยองค์การยูเนสโก นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่ของปราสาทแห่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการแผ่อำนาจและความเจริญของสโลวาเกียในช่วงยุคกลาง ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมือง โคซิเซ่ (Kosice) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสโลวาเกีย มีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจมาอย่างยาวนาน และเรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองที่มีอาคารและสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว จนได้รับการเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2013 นำท่านเดินเล่นและเก็บภาพความน่าประทับใจ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมพักที่ DOUBLE TREE BY HILTON **** หรือเทียบเท่า

วันที่หก โคชิเซ่ – มิสโคลค (ฮังการี) – บูดาเปสต์ – ล่องเรือแม่น้ำดานูบ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารเซ็นต์อลซาเบธ (St. Elisabeth Cathedral) ซึ่งเป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสโลวาเกีย สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 ตามแบบสถาปัตยกรรมโกธิค เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสโลวัค นำท่านแวะถ่ายรูปกับหอระฆังประจำเมือง (Urban Tower) เป็นหอระฆังที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 14 ตามแบบสถาปัตยกรรมโกธิค และได้มีการต่อเติมหน้าจั่วเพิ่มเติมในสมัยศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตามในปี 1966 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้หอระฆังแห่งนี้ทำให้ต้องยกเลิกการใช้งานในที่สุด ปัจจุบันหอระฆังแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโคซิเซ่ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองมิสโคลค (Miskolc) (ระยะทาง 89 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศฮังการีและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ เป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านอุตสาหกรรม ในอดีตได้เคยถูกยกย่องให้เป็นเมืองการค้าที่สำคัญของฮังการีในสมัยกษัตริย์หลุยส์ที่ 1 แห่งฮังการี (King Louise I) นำท่านเข้าชมปราสาทดิออสยอร์ (Castle of Diosgyor) ปราสาทยุคกลางสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์เบล่าที่ 4 แห่งฮังการี (King Bela IV) และยังเป็นปราสาทฤดูร้อนของกษัตริย์หลุยส์ที่ 1 แห่งฮังการี ก่อนที่จะถูกชาวเติร์กยึดครองในปี 1564 ในช่วงสงครามระหว่างชาวเติร์กกับชาวฮังกาเรียนและเพนซิวาเนียน ซึ่งรุ้จักกันในชื่อสงคราม Battle of Mezőkeresztes

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ นครบูดาเปสต์ (Budapest) (ระยะทาง 183 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) นครหลวงของประเทศฮังการี ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรป เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สองฝั่งโดยมีแม่น้ำดานูบ (Danube River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป คั่นกลางแยกเป็นเมืองเก่า และเมืองใหม่ อันได้แก่เมือง “บูดา” และ “เปสต์” อันเป็นที่มาของคำว่า “บูดาเปสต์” นำท่านสัมผัสกับบรรยากาศแห่งการ “ล่องเรือแม่น้ำดานูบ” ชมความงามของอาคารสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เรียงรายสองฝั่งแม่น้ำดานูบ มนต์เสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลาย และรับการยกย่องว่าเป็นเมืองโรแมนติกบนสายน้ำแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นนำท่านชมนครที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมอันล้ำค่า ริมสองฝั่งแม่น้ำดานูบ นำท่านเดินทางสู่ ถนนคนเดินคาร์ทเน่อร์สตราเซ่ ซึ่งมีร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิเช่น คริสตัลสวารอฟสกี้, หลุยส์วิธตอง ฯลฯ และยังเป็นย่านใจกลางเมืองเก่าที่ท่านสามารถเดินชม มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น ที่สร้างในสไตล์โกธิคที่งดงาม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมพักที่ MURCURE BUDAPEST KORONA HOTEL **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด บูดาเปสต์ – ดูไบ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมป้อมชาวประมงบาสเตียน (Fishermen's Bastion) นับเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองที่สวยที่สุดของนครบูดาเปสต์ และนอกจากนี้ยังเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตในการปกป้องนครบูดาเปสต์ในยุคที่ถูกชาวมองโกลรุกรานเมื่อปี ค.ศ. 1241 จากนั้นนำท่านเข้าชมโบสถ์แมทธิอัส (Matthias Church) โบสถ์เก่าแก่ของนครบูดาเปสต์ที่ได้รับผลกระทบจากกการปกครองในแต่ละยุคสมัย จึงมีการซ่อมแซมและดัดแปลงในหลากหลายสไตล์ตามยุคสมัยนั้นๆ โดยตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นแบบโรมันเนสค์สไตล์ในปี ค.ศ. 1045 และถูกปรับปรุงให้เป็นแบบโกธิคสไตล์ในศตวรรษที่ 14, และถูกดัดแปลงให้เป็นมัสยิดตามแบบฉบับบาร็อคสไตล์เมื่อครั้งถูกยึดครองด้วยชาวเติร์กในปี ค.ศ. 1686 นอกจากนี้ตัวโบสถ์ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไว้เก็บบรรจุพระธาตุศักดิ์สิทธิ์และหินแกะสลักยุคกลาง รวมไปถึงแบบจำลองของพระมหากษัตริย์พระราชวงศ์ฮังการีและอัญมณีพิธีบรมราชาภิเษกอีกด้วย

12.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินบูดาเปสต์ (BUD) เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย มีเวลาให้ท่านได้ทำคืนภาษี (Tax Refund) และเลือกซื้อสินค้าต่างๆ มากมายจากร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน

15.05 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK 112 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง)
สายการบินมีบริการอาหารกลางวัน เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่องบิน
23.30 น. เดินทางถึงกรุงดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง โดยสามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีได้ตามอัธยาศัย

วันที่แปด กรุงเทพมหานคร

03.05 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ EK 384 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการอาหารเช้า พร้อมเครื่องดื่ม
12.05 น เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

รายละเอียดสินค้า 99KEP-EK-PL-SK-HU

ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 02-3314146,0922518139
  • 29 ก.ย. 2557 10:07 น.


คำเตือน!! อย่าโอนเงิน มัดจำล่วงหน้า ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ควรนัดเจอกัน พื้นที่โล่ง ไม่ไปคนเดียว และตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงินทุกครั้งที่มีการซื้อขาย