ข้อมูลประกาศ 010040
  • 79,900 บาท
ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 023314146,0922518139
  • 22 ก.ย. 2557 16:04 น.

99KEP-EK-SPAIN-PORTUGAL-A

สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
ราคา 79,900 บาท : 19-28 พ.ย./ 22-31 ม.ค./ 20 ก.พ.- 1 มี.ค./ 12-21 มี.ค./ 20-29 มี.ค.
ราคา 82,900 บาท : 21-30 ต.ค./ 2-11 ธ.ค.
ราคา 85,900 บาท : 26 ธ.ค. – 4 ม.ค. 58 / 27 ธ.ค. – 5 ม.ค. 58
ราคา 89,900 บาท (เฉพาะ สงกรานต์ รวมวีซ่า) : 9-18 เม.ย. 58 / 10-19 เม.ย. 58 /
26 เม.ย.-5 พ.ค.
วันแรก กรุงเทพมหานคร

23.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน T (แถว T 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส (EK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่สอง ดูไบ – บาร์เซโลนา – ยอดเขามองเซอร์รัต – ช้อปปิ้งจุใจ

01.05 ออกเดินทางสู่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบิน EK 385 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.45 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายผ่าน จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯมีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบินสู่ มหานครดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
04.55 น. เดินทางถึงนครดูไบแวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน EK185 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินดูไบ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
08.15 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ (DXB) สู่สนามบินบาร์เซโลนา (BCN) โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส บริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชม.)
13.20 น. เดินทางถึงสนามบินบาร์เซโลนา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
บ่าย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ กรุงบาร์เซโลนา (Barcelona) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน และเป็นท่าเรือสำคัญที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมหลากยุคสมัย มีสวนสาธารณะสิ่งแวดล้อมและการวางผังเมืองที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ชมผลงานก่อสร้างในศิลปะแบบอาร์ตนูโว ที่แสดงความงดงามอย่างมีชีวิตชีวาโดยฝีมือของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่นาม อันโตนีโอ เกาดี้ (Antonio Gaudi) ผู้ที่ทำให้เมือง บาร์เซโลนา ได้รับฉายาว่า “City of Gaudi” นำท่านชมความงามของเมืองบาร์เซโลนา เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของสเปน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สนามกีฬาโอลิมปิค 1992 และชมทิวทัศน์รอบตัวเมือง บนยอดเขามองต์จูอิค (Mont Juic) จากนั้นนำท่านผ่านชม อนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์โคลัมบัส นักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ที่ออกเดินทางจากบาร์เซโลนา ไปพบหมู่เกาะแคริบเบียนและทวีปอเมริกาในปี คศ.1492 จากนั้นนำท่านสู่ถนนช้อปปิ้งสายใหญ่ของบาร์เซโลนา ถนนลารัมบลา (Larambla) ย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลนาแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวเพียง 1.2 กิโลเมตรแต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้ง H&M, ZARA, BENETON, TOPSHOP หรือจะช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำซึ่งมีร้าน ตั้งอยู่ตลอดแนวถนน Passeig de gracia ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าอาทิ LOUIS VUITTON, CHANEL, GUCCI, LOEWE และอื่นๆ อีกมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก ABBA SANTS HOTEL **** หรือเทียบเท่า



วันที่สาม มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์- ยอดเขามองเซอร์รัต - ซาราโกซ่า - ซานตา มาเรีย เดอร์ฟิลลาร์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 เป็นผลงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงาน ชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายในแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2026 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้ นำท่านเดินทางสู่ยอดเขามองเซอร์รัต (Montserrat) นำท่านเข้าชมวิหารมองเซอร์รัตซึ่งตั้งอยู่บนเขามองเซอร์รัตที่สูงถึง 1,236 เมตรจากน้ำทะเล ภูเขามองเซอร์รัต มีลักษณะรูปทรงเป็นหินตะปุ่มตะป่ำแปลกประหลาดโดยคำว่า Montserrat หมายถึง ปุ่มปม ซึ่งในภาษาคาตาลัน ซึ่งเป็นภาษาหลักของคนในแถบนี้ใช้สื่อสารกัน ว่ากันว่าบริเวณนี้เดิมเคยเป็นทะเลมาก่อนเพราะยังมีซากเศษหอยอยู่ทั่วไปรวมไปถึงหินรูปทรงประหลาดของยอดเขาก็คาดว่าเกิดจากแรงดันตามธรรมชาตินับล้านปีมาแล้ว อาณาบริเวณที่ตั้งของวิหารมองเซอร์รัตซึ่งซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาได้อย่างตระการตานั้น มีพื้นที่กว้างขวางจนทำให้ฉงนว่าผู้คนในอดีตนำวัสดุก่อสร้างมากมายขึ้นมาสร้างบนเขาที่สูงขนาดนี้ได้อย่างไร เหมือนเมืองในฝันอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว ภายในวิหารมีศิลปกรรมที่งดงามตระการตามากมายให้ชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประติมากรรมรูปปั้นที่ตกแต่งบนอาคารทั้งหลายที่งดงามเกินบรรยาย รอบๆบริเวณวิหารมีทั้งโบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิค โรงแรม ภัตตาคาร ร้านค้าขายของที่ระลึก ห้องสมุด ห้องแสดงศิลปะ และสำนักนักบวชเบนาดิก(Benedictine) ซึ่งเป็นองค์กรนักบวชคาทอลิคบริหารวิหารอยู่บนนี้ สถานที่ทั้งหมดจึงเป็นบรรยากาศแบบเงียบเรียบสงบตามแบบฉบับสำนักปฎิบัติธรรมของนักบวช โดยมีจุดเด่นที่มีพระแม่มารีดำ (Black Madonna หรือ The Virgin of Montserrat) ที่มีชื่อเสียงประดิษฐานอยู่ ซึ่งชาวสเปนซึ่งนับถือศาสนาคริสต์คาทอลิคส่วนใหญ่เขามีความเชื่อว่าภูเขานี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นำท่านออกเดินทางสู่เมืองซาราโกซ่า (Zaragoza) (ระยะทาง 310 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ช.ม.) ซึ่งเป็นเมืองหลวงในอดีตของอาณาจักรอารากอน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ริมฝั่งแม่น้ำเอโบร ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของภูมิประเทศอันหลากหลายและงดงามแปลกตาของภูมิภาคสเปนตอนกลาง เมืองซาราโกซ่าได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม (City of Culture) ของทวีปยุโรป

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย
บ่าย นำท่าน เข้าชมมหาวิหารแม่พระแห่งเสาศักดิ์สิทธิ์ (Basilica of our lady of the pillar) หรือที่รู้จักในนาม ซานตา มาเรีย เดอร์ฟิลลาร์ ตามตำนานสมัยแรกเริ่มของศาสนจักรกล่าวไว้ว่า อัครสาวกยาคอบหรือเซนต์เจมส์ ในระยะเริ่มแรกนั้นการเผยแพร่พระธรรมของท่านไม่ได้เกิดผลมากมายนัก จนกระทั่งท่านเห็นพระแม่มารีมาปรากฎเพื่อชักชวนท่านไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในนิมิตนั้น พระนางปรากฎอยู่บนเสาที่ถูกแบกมาโดยหมู่เทพนิกร และเชื่อกันว่าเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ต้นเดียวกันกับเสาในซาราโกซ่า

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่ ALFONSO HOTEL**** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ เซโกเวีย - สะพานส่งน้ำโรมัน - ปราสาทอัลกาซาร์ - มาดริด (พักค้าง 2 คืน)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซโกเวีย (Segovia) (ระยะทาง 409 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ช.ม.) เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซโกเวีย ในแคว้นคาสตีลและเลออนของประเทศสเปน ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเอเรสมา (Eresma) กับแม่น้ำกลาโมเรส (Clamores) ณ เชิงเขากวาดาร์รามา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ลิ้มลอง เมนูหมูหัน อันเลื่องชื่อ)

บ่าย นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองเซโกเวีย (Segovia Cathedral) และสะพานส่งน้ำโรมันที่มีชื่อเสียง (Roman Aquaduct) นำชมเขตเมืองเก่าซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 จากนั้น นำท่านเข้าชมปราสาทแห่งเซโกเวียหรือปราสาทอัลกาซาร์ หลายคนเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทแห่งเทพนิยาย เพราะความสวยสง่างามที่มองเห็นได้จากภายนอก ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูงที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 แล้วได้รับการต่อเติมในศตวรรษที่ 15 - 16 มีลักษณะเหมาะแก่การตั้งรับข้าศึกในอดีต เพราะมีทั้งช่องเชิงเทินขนาดใหญ่ ใช้สำหรับติดตั้งอาวุธ และมีช่องสำหรับเทน้ำเดือดและกรวดร้อน เพื่อทำลายกองทัพข้าศึกที่เข้าประชิดกำแพงเมือง ภายในปราสาทได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับแสดงของมีค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องใต้หลังคาเป็นที่แสดงแสนยานุภาพของอาวุธในสมัยกลาง รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ในอดีต และในปี ค.ศ. 1975 ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองเซโกเวียเป็นเมืองมรดกโลกทางศิลปะวัฒนธรรม ได้เวลานำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) (ระยะทาง 92 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารแบบเอเชีย

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก ABBA HOTEL MADRID **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)



วันที่ห้า โทเลโด - มหาวิหารโทเลโด – พระราชวังหลวง – มาดริด

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโทเลโด (Toledo) (ระยะทาง 70 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก นำท่านเที่ยวชมเมือง ข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม (ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่านประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์ จากนั้นนำท่านเข้าชมความงามของ มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก ใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่นในโรงแรม
บ่าย นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด เพื่อเข้าชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ นาฬิกา หนังสือ เครื่องใช้ อาวุธ นำท่านชมอุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ดอกไม้งดงามตลอดปี ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ (หากพระราชวังหลวงปิด ซึ่งทางพระราชวังจะไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า บริษัทจะจัดให้ท่านได้เข้าชมพระราชวังฤดูร้อน อรานคูเอซ (Placio Real De Aranjuez) แทน ซึ่งพระราชวังดังกล่าวเป็นอดีตพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์สเปน สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับความตระการตาของโคมไฟแชนเดอเรียร์และภาพวาดอัดงดงามที่ประดับประดาอยู่ภายในพระราชวัง) ได้เวลานำท่านผ่านชมน้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน เป็นสถานที่ที่ใช้ในการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆของเมือง ผ่านชมประตูชัยอาคาล่า (Puerta De Alcala) ที่สร้างถวายพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จากนั้นนำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรนา สัญลักษณ์ของเมือง มีเวลาให้ท่านอิสระและช้อปปิ้งตามอัธยาศัยแบบเต็มๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก ABBA HOTEL MADRID **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)

วันที่หก มาดริด - คอร์โดบา - สุเหร่าเมซกีต้า - เซบีญ่า - ชมระบำฟลาเมนโก้
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคอร์โดบา” (Cordoba) (ระยะทาง 397 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.) ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยชาวโรมันและชาวมัวร์จากอาหรับ เมืองคอร์โดบาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลกีเบีย เป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองคอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน เมืองนี้เป็นเมืองในระบบกาหลิบที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของยุโรปในสมัยศตวรรษที่10 มีการสร้างมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนรู้ด้านวรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเข้าชมมัสยิด (สุเหร่า) เมซกีต้า ที่มีขนาดใหญ่โตและออกแบบอย่างวิจิตร ด้วยการใช้เสาหินจำนวนมากถึง 850 ต้น ต่อยอดเสาด้วยโครงสร้างคานโค้งแบบศิลปะโรมัน ผสมกับลวดลายแบบมัวริช ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ อิฐ และหินฉลุลาย ทั่วทั้งอาคาร ด้านในสุดของมัสยิดจะสร้าง “มีหรับ” อันเป็นครื่องหมายแสดงทิศทางของเมืองเมกกะ ต่อมาเมื่อชาวคริสต์เข้ามายึดครองเมืองคอร์โดบา จึงได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณกึ่งกลางของมัสยิด และสร้างหอระฆังสูง 93 เมตร ขึ้นในบริเวณสวนส้มและลานน้ำพุ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ “เมืองเซบีย่า” Seville (ระยะทาง 142 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี สวนสาธารณะและสวนดอกไม้ งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีย่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำพร้อมชมโชว์ระบำฟลาเมนโก้อันเลื่องชื่อของสเปน
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก MELIA SEVILLA HOTEL **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด เซบีย่า – มหาวิหารเซบีย่า - หอคอยฆีรัลดา - ฟารู่ (โปรตุเกส)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza De Espanya) ชมกลุ่มอาคารรูปครึ่งวงกลมซึ่งรวมเอาความเป็น สถาปัตยกรรมแบบสเปนที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาว แต่ละซุ้มโค้งประตูมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร ฝั่งตรงข้ามเป็น อุทยานมาเรีย ลุยซ่า ซึ่งเคยเป็นราชอุทยานที่ร่มรื่นงดงามตระการตาและแฝงความโรแมนติก อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามรอบบริเวณ จากนั้นนำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงิน ล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของสุสานคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ นำท่านชมและถ่ายรูปกับหอคอยฆีรัลดา (Giralda Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย

บ่าย นำท่านเดินทางเลียบเมืองชายทะเลริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกสู่ เมืองฟารู่ (Faro) (ระยะทาง 236 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ช.ม.) เป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารจัดการของเขตอัลการวึ ซึ่งเป็นเขตทางตอนใต้ของโปรตุเกส เมืองนี้เป็นอีกเมืองท่าของชาวมัวร์ ซึ่งต่อมาได้ถูกกษัตริย์ อฟองโซที่ 3 ครอบครองในปี ค.ศ. 1249 จนถึง ค.ศ. 1596 ในช่วงสงครามครูเสด เอิร์ลแห่งซัสเซ็ก ของอังกฤษได้เข้ามาครอบครองเมืองนี้ นำท่านเดินทางสู่ Jumbo Outlet อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งใน Outlet ขนาดใหญ่ของเมืองฟารู่ ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการซื้อของฝากและเสื้อผ้าแบรนด์ อาทิ ZARA, MANGO และอื่นๆอีกมากมาย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก FARO HOTEL **** หรือเทียบเท่า

วันที่แปด ฟารู่ – ซาเกรส – แหลมเซ็นต์วินเซนต์ (แหลมริมสุดทวีปยุโรป) - ลิสบอน

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองซาเกรส (Sagres) (ระยะทาง 91 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ช.ม.) เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดของทวีปยุโรป โดยมีแหลมที่อยู่ริมสุดทวีปคือแหลมเซ็นต์วินเซนต์ ซึ่งในศตวรรษที่ 15 เจ้าชายเฮนรี เดอะนาวิเกเตอร์ได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนเพื่อทำการสอนการออกเรือเดินทะเล นำท่านถ่ายรูปกับประภาคารที่ตั้งอยู่ ณ ปลายแหลม คาร์โบเดอร์เซ็นต์วินเซนต์ (Cabo De Saovicente) เป็นประภาคารที่มีความ สำคัญมากในอดีตตั้งแต่สมัยการเดินเรือของคริสโตเฟอร์โคลัมบัส วาสโกดากามา และนักเดินเรือชื่อก้องโลกอีกหลายคน จากนั้นนำท่านเข้าชมป้อมปราการแห่งเมืองซาเกรส (Algarve Fortress) ป้อมปราการที่ตั้งตระหง่านบนหน้าผาริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นจุดป้องกันการโจมตีของข้าศึกทางทะเล นับได้ว่าเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน หันหน้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติก

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (Tejo) (ระยะทาง 270 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ช.ม.) โดยผ่านเส้นทางมอเตอร์เวย์สายสำคัญที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับภาพชีวิตชนบท ชาวไร่ ชาวสวน และป่าคอร์ค (Cock) ตลอดการเดินทางท่านจะได้ให้ภูมิประเทศที่แตกต่าง ทั้งริมฝั่งมหาสมุทรและฝั่งแผ่นดินใหญ่ ลิสบอนเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และเคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้นำคนสำคัญของเมืองในสมัยนั้น คือ มาร์คิส เดอร์ ปองปาล (Marquis de Pombal) ได้เริ่มบูรณะและจัดวางผังเมืองลิสบอนใหม่ให้ทันสมัย เกิดการสร้างถนนและอาคารสมัยใหม่กลายเป็นเมืองลิสบอนที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนถึงปัจจุบัน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก ALTIS PARK HOTEL **** หรือเทียบเท่า








วันที่เก้า มหาวิหารเจอโรนิโม - หอคอยเบเล็ง - ลิสบอน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่าน เข้าชมหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม จากนั้นนำท่านบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ ได้เวลานำท่านเข้าชม มหาวิหารเจอโร นิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ซึ่งได้เดินเรือสู่ประเทศอินเดียได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ.1498 ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
11.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินลิสบอน (LIS) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
14.25 น. ออกเดินทางจากลิสบอนกลับกรุงเทพ โดยเที่ยวบินที่ EK192 (ใช้เวลาบินประมาณ 7.40 ชั่วโมง) บริการอาหารค่ำ เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน

วันที่สิบ กรุงเทพมหานคร
01.05 น. เดินทางมาถึงนครดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง
03.05 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ EK384 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการ อาหารเช้า
12.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

รายละเอียดสินค้า 99KEP-EK-SPAIN-PORTUGAL-A

ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 023314146,0922518139
  • 22 ก.ย. 2557 16:04 น.


คำเตือน!! อย่าโอนเงิน มัดจำล่วงหน้า ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ควรนัดเจอกัน พื้นที่โล่ง ไม่ไปคนเดียว และตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงินทุกครั้งที่มีการซื้อขาย