ข้อมูลประกาศ 010032
  • 89,900 บาท
ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • ไม่ระบุพื่นที่
  • 023314146,0922518139
  • 22 ก.ย. 2557 15:18 น.

99KEP-TK-IT-HR-SI-ME

สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
ราคาทัวร์ 89,900 บาท : 20-29 พ.ย. / 29 พย.-8 ธ.ค. / 25 ธ.ค. – 3 ม.ค./ 24 ม.ค.- 2 ก.พ./
23 ก.พ.-4 มี.ค./ 7-16 มี.ค. / 18-27 มี.ค./ 3 - 12 เม.ย.
ราคาทัวร์ 93,900 บาท : 9- 18 เม.ย. / 24 เม.ย. – 3 พ.ค. / 28 เม.ย. – 7 พ.ค.
ราคาทัวร์ 95,900 บาท : 12-21 เม.ย.


วันแรก กรุงเทพมหานคร

20.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน U (แถว U 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
23.45 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี

วันที่สอง อิสตันบูล – เวนิส – จัตุรัสเซนต์มาร์โค

05.40 น. เดินทางถึงกรุงอิสตันบูลแวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน TK1867 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินอิสตันบูลซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
08.00 น. ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล (IST) สู่ สนามบินเวนิส (VCE)โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์
สายการบินมีบริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ช.ม.)
10.40 น. เดินทางถึงสนามบินเวนิส ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส เมืองที่มีเอกลักษณ์พิเศษสุดเมืองหนึ่งของโลกเปรียบเสมือนประตูสู่ตะวันออกของยุโรปในอดีต นำท่านนั่งเรือสู่เกาะเวนิส (เมืองที่ไม่มีรถยนต์วิ่งผ่าน) เมืองเวนิสได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ (City of water) เมืองแห่งสะพาน (City of bridges) เมืองแห่งแสงสว่าง (City of light) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองริมฝั่งสู่เกาะเวนิสซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านชม จตุรัสเซนต์มาร์โคและพระราชวังดอจจ์ ศูนย์กลางของเกาะเวนิส ผ่านชมและแวะถ่ายรูปบริเวณสะพานถอนหายใจ (Ponte Dei Sospiri) ที่เชื่อมระหว่างพระราชวังโบราณกับเรือนจำโบราณ ซึ่งมีตำนานเล่าถึงนักรักคาสโนว่าที่เคยถูกคุมขังในคุกแห่งนี้ จากนั้นให้ท่านได้แวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารเซนต์มาร์โค (San Marco Basilica) ซึ่งเป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ อาหรับ โรมันเนสก์ เรเนซองส์ เข้าไว้ด้วยกัน ในมหาวิหารนี้เชื่อว่าเป็นที่บรรจุศพของนักบุญเซนต์มาร์ก อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปโดยรอบบริเวณจตุรัสเซนต์มาร์โค หรือจะ เลือกช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่มีมากมายรายล้อมรอบจตุรัส ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Chanel, Louis Vuitton, Hermes, Tods, Prada และอื่นๆอีกมากมาย ได้เวลานำท่านนั่งเรือเพื่อเดินทางกลับสู่ฝั่งเวนิสเมสเตร์

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Antony Palace Venice Mestre **** หรือเทียบเท่า


วันที่สาม ถ้ำโพสทอยน่า – เมืองลุบเบลียน่า (เมืองหลวงสโลวีเนีย) – เมืองซาเกรบ (เมืองหลวงโครเอเชีย)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพสองข้างทางระหว่างการเดินทางเข้าสู่ประเทศสโลวีเนีย ท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสลับภูเขา บ้านเรือนแถบชานเมือง นำท่านมุ่งหน้าสู่ ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Caverns) (ระยะทาง 195 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.15 ชม.) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของเมืองโพสทอยน่า (Postojna) เป็นถ้ำที่เปิดให้บริการมากว่า 188 ปี นำท่านเข้าชมความงามของ “ถ้ำโพสทอยน่า” ถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรป ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี เป็นถ้ำที่มีความยาวถึง 27 กิโลเมตร นำท่านเข้าชมภายในถ้ำโดยขบวนรถรางไฟฟ้า ซึ่งได้เปิดให้บริการในปี 1884 อุณหภูมิภายในถ้ำโดยเฉลี่ย 8-10 องศาเซลเซียส ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย รถรางไฟฟ้านำท่านผ่านลำธาร เขื่อนเก็บน้ำใต้ดิน ชมหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามสุดพรรณนา ภายในถ้ำยังมีห้องต่างๆ มากมาย ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ท่านจะได้ชมความงามอันยิ่งใหญ่ภายในถ้ำแห่งนี้ ที่ธรรมชาติได้ สรรสร้างมานานกว่าล้านปี ผ่านหลายยุคสมัยและเคยใช้เป็นที่พำนักของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นได้จากร่องรอยการสร้างสะพานเชื่อมภายในถ้ำ จากนั้นนำท่านชมความแปลกของ ปลามนุษย์ (Human fish) หรือ Olm สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในถ้ำพอสทอยน่า ผิวสีเนื้อคล้ายมนุษย์ ลำตัวยาวคล้ายงู มีแขนและขา ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1768 และอาศัยอยู่ในที่มืด
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านสู่ เมืองลุบเบลียน่า (Ljubljana) เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย (ระยะทาง 53 กม. ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที) นำท่านสัมผัสบรรยากาศเมืองหลวงที่ยังคงให้ท่านได้เห็นร่องรอยของสถาปัตยกรรมโบราณ และอิทธิพลของศิลปะสไตล์บาโร๊คในเมืองลุบเบลียน่า นำท่านชม สะพานมังกร ที่ทอดข้ามแม่น้ำลุบเบลียยานิก้า ผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆภายในเมืองเช่น ศาลาว่าการเมือง, มหาวิหารเซนต์ นิโคลัส จากนั้นนำท่าน เข้าชมปราสาทเมืองเก่า (Old town castle) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูง โดยนั่งรถรางขึ้นสู่เนินเขา ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองลุบเบลียน่าได้อย่างชัดเจน ปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 ในศิลปะสไตล์บาโร๊ค และได้ทำการบูรณะใหม่ในปี 1990 โดยได้บูรณะหอสูงในลักษณะสถาปัตกรรมแบบโกธิค ณ จุดนี้ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์โดยรอบของเมืองลุบเบลียน่าได้ในระยะไกล จากนั้นนำท่านชมย่านการค้า ตลาดสินค้าพื้นเมืองและเดินเล่น ชมบ้านเรือนที่สวยงามด้วยศิลปะบาโร๊ค อิสระให้ท่านถ่ายรูป หรือ เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ “เมืองซาเกรบ (Zagreb)” (ระยะทาง137 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชียดินแดนแห่งทะเลเอเดรียติค ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง ซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันชาวโครเอเชีย มีวิถีชีวิตเยี่ยงชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไป การคมนาคมภายในกรุงซาเกรบสะดวกสบาย นิยมใช้รถรางเป็นพาหนะซึ่งมีนับสิบสายทั่วทั้งเมือง กรุงซาเกรบประกอบด้วยเขตเมือง Upper Town ที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มประตูหินเป็นสัญลักษณ์ เขต Lower Town ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 และเขตเมืองใหม่ New Town ที่สร้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Dubrovnik Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ ซาเกรบ – มหาวิหารเซนต์สตีเฟน – ชมวิหารเซนต์มาร์ก – อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปและเข้าชม “มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral)” ซึ่งมียอดแหลมทรงกลวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม สามารถเห็นได้จากทุกมุมในซาเกรบ แต่เดิมเป็นโบสถ์ธรรมดาแต่เพิ่งสำคัญในปี ค.ศ. 1094 เมื่อกษัตริย์ลาดีสลาอุส (King Ladislaus) ได้ให้พระราชาคณะย้ายที่พำนักจากสีสัก (Sisak) มายังซาเกรบแต่ก็ถูกกองทัพมองโกลทำลายในปี ค.ศ. 1242 เมื่อมองโกลจากไป มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบนิโอ-โกธิค ดังปัจจุบัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการบูรณะก่อสร้างในปี ค.ศ. 1880 จากนั้นนำชมตลาดกลางเมือง (Dolac market) ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ มีสีสันสดใส มีดอกไม้ประดับและผลไม้ราคาถูกวางขายมากมาย นำท่านสู่เขต Upper Town โดยขึ้นรางรถไฟ จากนั้นแวะถ่ายรูปกับวิหารเซนต์มาร์ก (St. Marks Church) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีต่างๆ ซึ่งเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของซาเกรบ โครเอเชีย สโลวีเนีย และ ดัลมาเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเดียวกัน (อดีตยูโกสลาเวีย) นำท่านชมโบสถ์ประจำเมืองเก่าเซนต์แคทเธอรีน (St. Catherine) โบสถ์
แบบบาโร๊คสีขาวน่าประทับใจ นำท่านชมจุดชมวิวที่ท่านสามารถเห็นกรุงซาเกรบที่หลังคาอาคารเป็นสีแดงอิฐทั้งเมือง นำท่านแวะชมจัตุรัส Trg Ban Jelacic Square จัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัย ชมอนุสาวรีย์ Ban Josip Jelacic ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อความอิสระจากชาว ฮังกาเรียนเมื่อปี ค.ศ. 1848

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ “อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่ (Plitvice National Park)” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ (ระยะทาง 135 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.) อุทยานนี้มีพื้นที่ประมาณ 29,482 เฮคเตอร์ หรือประมาณ 295 ตารางกิโลเมตร โดย 223 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ป่าและพื้นน้ำครอบคลุมประมาณ 2.17 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่งที่มีความงดงามแตกต่างกัน ให้ท่านได้อิสระชมความงามของพันธุ์ไม้หลากชนิด รอบโรงแรมที่พัก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบและเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Jezero Plitvicka Jezera *** หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า เข้าชมอุทยานแห่งชาติพริตวิชเซ่ – ซาดาร์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมความงามของอุทยาน นำท่านสู่ Lower lake โดยล่องเรือข้ามทะเลสาบ Jezero Kozjak ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนล่างขึ้นสู่ทะเลสาบชั้นบนของอุทยาน เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและความอลังการของ Lower lake ที่ประกอบด้วยทะเลสาบ Milanovac, Gavanovac และ Kaluderovac เป็นต้น นำท่านเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน แล้วเดินสู่ Veliki Slip ชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานที่มีความสูงถึง 70 เมตร (แนะนำให้ท่านสวมรองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าที่สวมใส่สบาย เนื่องจากต้องเดินชมความงามของธรรมชาติภายในอุทยาน)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาดาร์ (Zadar) (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชม.) เมืองที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 3,000 ปีมาแล้ว และเป็นเมืองท่าสำคัญซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดใหญ่ของทะเล

เอเดรียติค ที่มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยโรมันจนถึงปัจจุบัน นำท่านชมตัวเมืองซาดาร์ นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์สำคัญประจำเมืองโบสถ์อนาสตาเชีย The Cathedral of St. Anastasia เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 5-6 ในยุคโรมาเนสก์ เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นดัลมัลเชีย อย่างไรก็ตามโบสถ์แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากสงครามศาสนาในปี 1202 ครั้งนั้นเมืองซาดาร์ถูกโจมตีโดยชาวเวนิส ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และได้ถูกบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 13 “โบสถ์อนาสตาเชีย” ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สำคัญมากเนื่องจากพระสันตปาปา ถึง 2 พระองค์คือ พระสันตปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ได้เสด็จเยือนในปี 1177 และพระสันตปาปาจอห์นพอลที่ 2 ได้เสด็จเยือนโบสถ์นี้ในปี 2003 ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายของพระองค์ท่าน นำท่านเข้าชม โบสถ์เซนต์ โดแนท ซึ่งเป็นโบสถ์สำคัญประจำเมืองอีกแห่งหนี่ง ชมโรมันฟอรัมหรือย่านชุมชนของโรมันเมื่อสองพันปีก่อนที่นักโบราณคดีได้ใช้ความอุตสาหะในการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งที่อยู่อาศัยชาวโรมัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Club Fumination Borik Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่หก ซิบินิค – โทรเกียร์ - สปริท – เข้าชมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซิบินิค (Sibenik) (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.) เมืองริมทะเล
เอเดรียติก ถูกบันทึกในเอกสารตั้งแต่ ค.ศ. 1066 ในชื่อแคสทรัม ซีบีนิซี (Castrum Sebenici) เติบโตจากอิทธิพลภายใต้การปกครองของฮังกาเรียน-โครแอต-เวเนเชียน นำท่านเข้าชม มหาวิหารเซนต์
จาคอบ สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ. 1431-1535 เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่าง 3 ศิลปกรรม คือ ดัลเมเชียน ศิลปะทางเหนือของอิตาลี และทัสคานี สถาปนิค 3 ท่านได้ใช้เทคนิคชั้นสูงในการสร้างห้องโถงสูงใหญ่ และโดมครึ่งวงกลม ทั้งวิหารล้วนสร้างด้วยหินทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะโกธิคและศิลปะเรอเนสซองส์ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน โดยองค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้มหาวิหารแห่งนี้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2000

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) (ระยะทาง 43 กม. ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที) เมืองขนาดเล็กบนเกาะที่ตั้งอยู่เกือบชิดกับแผ่นดินใหญ่ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคอารยธรรมกรีกโรมันเมื่อ 380 ปีก่อนคริสตกาล และได้พัฒนาบ้านเรือนตามผู้ปกครองแต่ละยุคสมัย ยุคการปกครองของอาณาจักรเวนิส ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสไตล์เรเนซองค์และบาโร๊ค สามารถเห็นอาคารบ้านเรือน, โบสถ์, สถานที่สำคัญต่างๆ ที่สร้างขึ้นในแบบศิลปะดังกล่าว สถาปัตยกรรมเหล่านี้ถูกดูแลอย่างดีตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองโทรเกียร์เป็นมรดกโลกในปี 1997 นำท่านชม เขตเมืองเก่า สัมผัสอาคาร บ้านเรือน ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันโบราณ เช่น ประตูเมือง “Kopnena Vrata” ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ในสมัยศตวรรษที่ 16 นำท่านแวะถ่ายรูปกับ “มหาวิหารเซนต์ลอเรนซ์” ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ อย่างวิจิตรตระการตา นำท่านแวะถ่ายรูปกับหอนาฬิกา (Foggia And Of Clock Tower) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ชมจัตุรัสภายในบริเวณเมืองเก่า แวะถ่ายรูปกับ ป้อมเซนต์มาร์ค ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1430 ตั้งตระหง่านอยู่ริมชายฝั่งทะลเอเดรียติก ในอดีตใช้เป็นกำแพงป้องกันภัยจากข้าศึกที่เข้ามารุกรานทางทะเล ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ “เมืองสปลิท (Split)” (ระยะทาง 28 กม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากซาเกรบ ซึ่งอยู่ในแคว้นดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง นำท่าน เที่ยวชมเมืองสปริท ที่สร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน ประกอบด้วย ศาลาว่าการเมืองสไตล์ เรเนซองค์ สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ต่างๆ ชมย่าน People Square ศูนย์กลางทางธุรกิจและการบริหาร นำท่าน เข้าชมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ หลังจากสละบัลลังก์ ภายในพระราชวังประกอบด้วย วิหารจูปิเตอร์ สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียง (Catacombas) และวิหารต่างๆ นำท่านชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้าง (Peristyle) ซึ่งล้อมด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตร สวยงาม ชมยอดระฆังแห่งวิหาร The Cathedral Belfry แท่นบูชาของเซนต์โดมินัส และเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร






ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Atrium Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด ดูบรอฟนิค - พระราชวังเรคเตอร์ – The Cathedral Treasury
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางเรียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติกสู่ “เมืองมรดกโลกดูบรอฟนิค Dubrovnik” (ระยะทาง 204 กม. ใช้เวลาเดินทาง 3.30 ชม.) ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศริมชายฝั่งทะเล ที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสด สลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะๆ เมืองดูบรอฟนิคได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม “ไข่มุกแห่งทะเล เอเดรียติก” เป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า จึงได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้โดดเด่น ด้วยการตกแต่งพระราชวัง, สร้างโบสถ์, วิหาร, จัตุรัส, น้ำพุ และบ้านเรือนต่างๆ และได้รับการบูรณะและปรับเปลี่ยนอย่างงดงามตามยุคสมัย เสน่ห์ของเมืองอยู่ที่เขตเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงโบราณสูงตระหง่านโอบล้อมโดยรอบ ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันภัยจากศัตรู เช่น อาหรับ เวเนเชียน มาชีโดเนียน และเซิร์บ ภายในเขตเมืองเก่าเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมมากมายและสิ่งก่อสร้างโบราณต่างๆ องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองดูบรอฟนิคเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านชมทัศนียภาพของเมืองดูบรอฟนิค ที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งทะเลเอเดรียติค ตัวเมืองเก่ามีป้อมปราการโบราณความยาว 190 เมตรล้อมรอบ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ความโด่งดังเทียบได้กับแกรนด์แคนย่อนหรือแกรนด์คาแนลแห่งเวนิส นำท่านเดินลอดประตู Pile Gate ที่มีรูปปั้นของนักบุญ เซนต์เบลส นักบุญประจำเมือง เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองเก่า ชมน้ำพุ Onofrio ซึ่งเป็นตั้งเป็นเกียรติแก่ของสถาปนิกผู้สร้างน้ำพุแห่งนี้ นำท่านเข้าชม The Cathedral หนึ่งในโบสถ์เก่าแก่ประจำเมืองเก่าที่สะสมโบราณวัตถุของพ่อค้าวาณิชที่ได้ทำการค้าขายกับชาวเวนิชในอดีต นำท่านถ่ายรูปกับหอนาฬิกาโบราณ (Bell Tower Clock) จากนั้นนำท่าน เข้าชมพระราชวังเรคเตอร์ (Rector’s palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปะทั้งแบบโกธิค, เรเนซองส์และบาโร๊ค ได้เวลานำท่านแวะชมและถ่ายรูปกับ สปอนซา พาเลส (Sponza Palace) สร้างขึ้นโดยศิลปะแบบโกธิค เรเนซองส์ ในสมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่จัดเก็บเอกสารและสำนักงานส่วนราชการ นำท่านเดินผ่านถนนสตราดัน ถนนสายหลักยาวกว่า 398 เมตร ที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยอาคารสไตล์โรมัน โกธิค และร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆมากมาย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Valamar Lacroma Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่แปด กอเตอร์ (มอนเตเนโกร) – บุดวา – พอดกอรีตซา

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอเตอร์ (Kotor) (ระยะทางประมาณ 88 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.) เมืองชายฝั่งทะเลแสนสวยอีกเมืองของประเทศมอนเตเนโกร ประเทศซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน” โดยประเทศสาธารณรัฐมอนเตเนโกรนี้ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลเอเดรียติค ถึงแม้สถานที่โดยรวมของประเทศจะมีขนาดเล็กมาก แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม ชายหาดอ่อนละมุนคลื่นสงบไม่รุนแรงจนเกินไป ทะเลสาบน้ำเงินเข้มใส แม่น้ำใสไหลเชี่ยวและภูเขาสวยสง่า บางแห่งจะเห็นเป็นฟยอร์ดสูงตระหง่านตระการตา นำท่านชมความงดงามของเมืองกอเตอร์ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลกด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1979 เป็นเมืองที่สร้างภายในกำแพงสูง (City Wall) ซึ่งแบ่งตัวเมืองเป็น 2 ส่วนคือ เมืองเก่า (Old town) และเมืองใหม่ (New Town) โดยกำแพงเมืองแห่งนี้สร้างโดยชาวเวนิส อีกทั้งสถาปัตยกรรมในเมืองส่วนใหญ่ยังได้รับอิทธิพลจากชาวเวนิสเช่นกัน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์เซ็นต์ไทรฟอน (Cathedral of Saint Tryphon) ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1166 ภายในตัวเมืองเก่า อิสระให้ท่านเดินเล่นและชมความงามภายในตัวเมืองเก่า หรือเลือกซื้อของฝากที่ระลึกตามอัธยาศัย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองบุดวา (Budva) (ระยะทางประมาณ 35 กม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองโบราณอีกแห่งของประเทศมอนเตเนโกร ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ทางตอนใต้ของประเทศ เมืองบุดวาเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของมอนเตเนโกรและเป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ทมากมาย เมืองบุดวา สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 5 เคยเป็นเมืองขึ้นของชาวเวนิส กว่า 400 ปีเช่นเดียวกับเมืองกอเตอร์ จึงได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของชาวเวนิส แต่ในสมัยศตวรรษที่ 18 มอนเตเนโกรเคยตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรออตโตมัน นอกจากนี้เมืองบุดวาเป็นอีกเมืองที่เป็นที่จับจ้องของประเทศล่าอาณานิคมทั้ง ฝรั่งเศส, ออสเตรีย และ รัสเซีย และในปี 1918 ตกเป็นของประเทศยูโกสลาเวีย นำท่านชมความงามภายในตัวเมืองเก่า หรือ Stari Grad (Old Town) และนำท่านผ่านชมโบสถ์เซ็นต์จอหน์ (Church of Saint John) ซึ่งภายในโบสถ์มีภาพไอคอนพระแม่มารี “Madonna in Punta” ประดิษฐานในโบสถ์แห่งนี้ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองพอดกอรีตซา (Podgorica) เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก PODGORISCA HOEL **** หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า พอตกอรีซา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมความงามของเมืองพอดกอรีตซา เมืองหลวงของประเทศตั้งซึ่งอยู่บนที่ราบ ระหว่างเทือกเขาไดนาริก แอลป์ (Dinaric Alps) และทะเลสาบสูทารี่ (Lake Scutari) นำท่านผ่านชม อนุสาวรีย์กษัตริย์นิโคลา (Monument of King Nikola) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามรัฐสภามอนเตเนโกร (Montenegro`s parliament) จากนั้นนำท่านสู่ จัตุรัส Trg Republike ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมือง ศูนย์รวมร้านค้าต่างๆมากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ The Cathedral of the Resurrection of Christ ซึ่งเป็นโบสถ์ออโทด็อกซ์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในปี 1993 โดยความร่วมมือระหว่างประเทศมอนเตเนโกร และ เซอร์เบีย
12.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินพอตกอรีซา
14.15 น. ออกเดินทางจากสนามบินพอดกอรีตซาสู่สนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1086 (ใช้เวลาบินประมาณ 1ชม.)บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน
17.00 น. เดินทางมาถึงกรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งใน DUTY FREE SHOP ภายในสนามบิน
20.05 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 64 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง)
สายการบินฯ มีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า

วันที่สิบ กรุงเทพมหานคร
09.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

รายละเอียดสินค้า 99KEP-TK-IT-HR-SI-ME

ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • ไม่ระบุพื่นที่
  • 023314146,0922518139
  • 22 ก.ย. 2557 15:18 น.


คำเตือน!! อย่าโอนเงิน มัดจำล่วงหน้า ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ควรนัดเจอกัน พื้นที่โล่ง ไม่ไปคนเดียว และตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงินทุกครั้งที่มีการซื้อขาย