ข้อมูลประกาศ 009777
  • 32,900 บาท
ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 02-3314146,0922518139
  • 08 ก.ย. 2557 15:21 น.

ทัวร์อินเดีย 99KGH-AI-INDIA-5D4N

สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
วันที่ 4 – 8, 11 – 15 ตุลาคม 2557 32,900.-
วันที่ 8 – 12, 15 – 19, 22 – 26 พฤศจิกายน 2557 32,900.-
วันที่ 5 – 9 ธันวาคม 2557 34,900.-
วันที่ 10 – 14 ธันวาคม 2557 33,900.-
วันที่ 29 ธ.ค. 57 – 2 ม.ค. 58 35,900.-

วันที่ 1 กรุงเทพฯ – เดลลี – ชัยปุระ
06.00 น. พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิที่เคาน์เตอร์ W สายการแอร์อินเดีย ประตู 10 โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกก่อนขึ้นเครื่อง
08.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองเดลลี โดย สายการบินแอร์อินเดีย AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI333 (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4.30 ชั่วโมง)
12.05 น. ถึงสนามบินนานาชาติ อินธิรา คานธี เมืองเดลลี ประเทศอินเดีย ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาในประเทศอินเดียช้ากว่าเมืองไทย 1.30 ชั่วโมง ขอให้ทุกท่านตั้งเวลาใหม่เพื่อไม่สับสน)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ เข้าสู่กรุงนิวเดลลี เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปี และเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรอินเดียโบราณ 7 อาณาจักร ต่อมาในปี 1857 ประเทศอังกฤษได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองประเทศอินเดียและได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่โกลกัตตา และได้ย้ายกลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่งในปี 1911 หลังจากประเทศอินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษในปี 1947 ก็ได้มีการสร้างสถานที่ทำการราชการโดยสร้างเมืองใหม่ชื่อว่า “นิวเดลลี” และผ่านชมประตูเมืองแห่งชัยชนะ หรือ INDIA GATE ประตูนี้มีลักษณะเหมือนประตูชัยปารีสสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 และมีการสลักชื่อทหารที่สละชีพเพื่อชาติในสงครามโลกครั้งที่ 1ด้วย จากนั้นนำชมกุตุปมินาร์ หอคอยที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าปฤกวิราช เพื่อให้พระธิดาขึ้นไปดูแม่น้ำยมุนาอันศักดิ์สิทธิ์ ชมมัสยิดสร้างด้วยหินสีแดง แกะสลักเป็นลวดลายพันธุ์พฤกษาและคำสวดจากคัมภีร์โกหร่าน นำท่านเยี่ยมคารวะ อนุสรณ์สถานท่านมหาตมะคานธี ที่ราชฆาต บุคคลผู้ซึ่งเปรียบเป็นบิดาแห่งประเทศอินเดีย ผู้นำการเรียกร้องเอกราชแบบอหิงสา ซึ่งเสียชีวิตในวันที่ 30 มกราคม 1948 รวมอายุได้ 78 ปี จากนั้นผ่านชมรัฐสภาราชปาติ บาวาล ซึ่งเป็นวงแหวนสถานที่ราชการต่างๆ มีตึกรัฐสภาอันยิ่งใหญ่และเป็นที่ทำการของรัฐบาล ผ่านชมย่านธุรกิจการค้าและย่านที่อยู่อาศัยของเศรษฐีอินเดียบนถนนสายสำคัญที่สุดของอินเดีย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองชัยปุระ หรือ เมืองชัยปูร์หรืออีกชื่อคือนครสีชมพู
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเข้าสู่ที่พักโรงแรม LE MERIDIEN HOTEL JAIPUR หรือเทียบเท่า (4 ดาว)
วันที่ 2 ชัยปุระ – พระราชวังแอมเบอร์ – พระราชวังสายลม – จันตาร์ มันตาร์ – ชัยปุระ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ เชิงเขาอราวารี เพื่อชมความงามของพระราชวังแอมเบอร์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนภูผา แล้วนำท่านนั่งรถจิ๊ฟชมพระราชวัง เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพสองข้างทางซึ่งสามารถมองเห็นภูมิประเทศเบื้องล่างสุดสายตา และพระราชวังแห่งนี้เริ่มสร้างโดยพระเจ้ามั่นใจซิงค์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 1592 จนสำเร็จในยุคของพระเจ้าชาไวใจซิงค์ที่ 2 ต่อมาพระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงลงมายังเมืองชัยปูร์ ในปัจจุบันภายในพระราชวังแอมเบอร์ ท่านจะได้ชมพระราชวังฤดูร้อนและพระราชวังฤดูหนาวที่ประดับด้วยพลอยหลากสี ที่ท่านจะได้ตื่นตะลึงกับห้องที่ประทับในพระราชวังฤดูร้อนที่งดงามโดยจำลองความงามของท้องฟ้ายามราตรี
แล้วนำเข้าชม พระราชวังซิตี้พาเลส (City Palace) เป็นพระราชวังอันเป็นที่ประทับของมหาราชาแห่งชัยปุระ เป็นที่ตั้งของหมู่พระที่นั่งสำคัญๆ สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ. 1729 - ค.ศ. 1732 ในรัชสมัยของมหาราชาสะหวายจัย สิงห์ที่ 2 ด้านสถาปัตยกรรมของพระราชวังมีการออกแบบอย่างผสมผสานระหว่างแบบราชปุตกับโมกุล เนื่องจากช่วงนั้นยังอยู่ในช่วงที่ราชวงศ์โมกุลเข้ามามีอิทธิพลต่อรัฐราชสถาน จากนั้นพาท่านชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงสูง นำชมงานศิลปวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมต่างๆ จากนั้นนำท่านชมพระราชวังสายลม หรือ ฮาวา มาฮาล ที่แปลว่า "พระราชวังแห่งสายลม" เป็นหนึ่งในตำหนักสำคัญของซิตี้พาเลส สร้างในปีค.ศ. 1799 โดยมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ ออกแบบโดยถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฏของพระนารายณ์ โดยมีความโดดเด่นที่บริเวณด้านหน้าบันทาสีชมพูสวยงามมีความสูงห้าชั้นและมี ลักษณะซ้อนกันคล้ายรังผึ้งประกอบไปด้วยหน้าต่างขนาดเล็กตกแต่งด้วยลวดลายฉลุ เป็นช่องลมจำนวน 953 บาน จนเป็นที่มาของชื่อว่า "พระราชวังแห่งสายลม" โดยลายฉลุนั้นมีไว้เพื่อนางในวังสามารถมองทะลุออกมาเห็นชีวิตภายนอกบนท้อง ถนนได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นจากด้านนอกนั่นเอง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่หอดูดาว จันตาร์ มันตาร์ (Jantar Mantar) เป็นบริเวณหอดูดาวซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมเครื่องมือทางดาราศาสตร์ สร้างโดยมหาราชาสะหวาย จัย สิงห์ โดยหอดูดาวลักษณะแบบนี้ได้ทรงสร้างทั้งหมด 5 แห่งต่างสถานที่กัน รวมถึงที่ชัยปุระ และเดลลี ซึ่งหอดูดาวจันตาร์มันตาร์นี้มีขนาดใหญ่ที่สุด และยังเก็บรักษาอยู่ในสภาพดีที่สุดอีกด้วย โดยได้ถูกยกย่องโดยองค์การยูเนสโกว่า "เป็นการแสดงออกถึงความชาญฉลาดทางดาราศาสตร์และแนวความคิดทางจักรวาลวิทยาของ ราชสำนักในช่วงปลายของยุคโมกุล" จันตาร์ มันตาร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในปีค.ศ. 2010 จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเข้าสู่ที่พักโรงแรม LE MERIDIEN HOTEL JAIPUR หรือเทียบเท่า (4 ดาว)
วันที่ 3 ชัยปุระ – ฟาแตร์ปูร์ สิคริ – อักรา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศชมความงามของ เมืองฟาแตห์ปูร์ สิครี (Fatehpur Sikri) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1569 โดยสมเด็จพระจักรพรรดิอักบัร และยังใช้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโมกุลระหว่างปี ค.ศ. 1571–1585 ภายหลังจากชัยชนะจากสงครามกับชาวเมืองจิตเทารการ์ห และรันธัมบอร์ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงจากอักรามายังที่แห่งใหม่บริเวณนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งของสะพานสิครีเป็นระยะทาง 23 ไมล์ หรือ 37 กิโลเมตร ใช้เวลาออกแบบผังเมืองและสร้างถึง 15 ปี ซึ่งรวมถึงกำแพงเมืองรอบด้าน พระราชวัง ตำหนัก ฮาเร็ม ศาล มัสยิด และอาคารสาธารณูปโภคต่าง ๆ มีขนาดถึง 9 ตารางกิโลเมตร ทรงตั้งชื่อเมืองว่า "ฟาเตหะบัด" ที่มาจากคำภาษาอารบิกว่า "ฟาเตห์" หมายความว่า "ชัยชนะ" และต่อมากลายเป็น "ฟาเตห์ปูร์ สีครี" แต่หลังจากนั้นได้ถูกทิ้งร้างในปี ค.ศ. 1585 เนื่องจากการขาดแคลนแหล่งน้ำ นครฟาเตห์ปูร์ สีกรี ถือเป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างในสถาปัตยกรรมโมกุลที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดในประเทศอินเดียจนได้รับสมญานามว่า “เมืองปีศาจ”

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองอักรา เมืองที่เป็นที่ตั้งมรดกโลกถึงสองแห่ง ทัชมาฮาลและอักราฟอร์ด
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำคณะเข้าสู่ที่พักโรงแรม JAYPEE PALACE หรือเทียบเท่า (4 ดาว)
วันที่ 4 อักรา – ทัชมาฮาล – อักราฟอร์ด – เดลลี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชมทัชมาฮาล มรดกโลก ที่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และที่เป็นอมตะของพระเจ้าชาห์ จาฮันที่มีต่อพระนางมุมตัซ โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 จากนั้นนำเดินสู่ประตูสุสานที่สลักตัวหนังสือภาษาอาระบิค ที่เป็นถ้อยคำอุทิศและคำอาลัยต่อสิ่งอันเป็นที่รักที่จากไป และนำท่านถ่ายรูปกับลานน้ำพุที่มีอาคารทัชมาฮาลอยู่เบื้องหลัง แล้วนำท่านเข้าสู่ตัวอาคารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์จากเมืองมกรานะ ซึ่งประดับลวดลายด้วยเทคนิคฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหินซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่ออกแบบโดยช่างจากชาวเปอร์เซีย โดยอาคารตรงกลางจะเป็นรูปโดม ซึ่งจะมีหอคอยสี่เสาล้อมรอบตรงกลางด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล และพระเจ้าชาห์จาฮัน ที่ได้อยู่คู่เคียงกันตลอดชั่วนิรันดร์ โดยทัชมาฮาลแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 12 ปี สิ้นเงินไป 41 ล้านรูปี ใช้ทองคำประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของอาคารหนัก 500 กิโลกรัม ใช้คนงานกว่า 20,000 คน แล้วนำท่านเดินอ้อมไปด้านหลังที่ติดกับแม่น้ำยมุนาที่ฝั่งตรงกันข้ามมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถูกปรับดินแล้ว โดยเล่ากันว่าพระเจ้าชาห์จาฮันเตรียมที่จะสร้างสุสานของตัวเองเป็นหินอ่อนสีดำด้วยรูปอาคารแบบเดียวกันกับทัชมาฮาล เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างกัน แต่ถูกออรังเซบ ยึดอำนาจและนำตัวไปคุมขังไว้ในป้อมอักราเสียก่อน ได้เวลาสมควร นำท่านเข้าชม อักราฟอร์ด มรดกโลก ที่ติดริมแม่น้ำยมุนา ที่สร้างโดยพระเจ้าอัคบาร์ มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล เมื่อปี ค.ศ. 1565 ซึ่งเป็นทั้งพระราชวังที่ประทับและเป็นป้อมปราการ ต่อมาพระโอรส คือ พระเจ้าชาฮันกีร์และพระนัดดา (โอรสของพระเจ้าชาฮันกีร์) พระเจ้าชาห์ จาฮาน ได้มีการสร้างขยายต่อเติมป้อมและพระราชวังแห่งนี้อย่างใหญ่โต นำท่านเข้าชมป้อมผ่านประตูอำมรรสิงห์เข้าสู่ส่วนที่เป็นพระราชวัง โดยผ่านลานสวนประดับอ่างหินทรายสีแดงขนาดยักษ์ที่สำหรับสรงน้ำ ซึ่งท่านจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสามยุคสมัยตามรสนิยมที่แตกต่างกันของสามกษัตริย์ นำท่านเข้าชมด้านในพระตำหนักต่าง ๆ ที่สลักลวดลายศิลปะแบบโมกุลที่มีอิทธิพล จากนั้นพาท่านชมศิลปะอินเดียผสมผสานกับศิลปะเปอร์เซีย แล้วนำขึ้นสู่ระเบียงชั้นที่สองที่มีเฉลียงมุขซึ่งสามารถมองเห็นชมทิวทัศน์ลำน้ำยมุนาได้ และนำชมห้องที่ประทับของกษัตริย์ พระโอรส พระธิดาองค์ต่างๆ แล้วนำชม พระตำหนักมาซัมมัน บูร์ช ที่มีเฉลียงมุขแปดเหลี่ยม มีหน้าต่างเปิดกว้าง สามารถมองเห็นทัชมาฮาลได้ ที่พระตำหนักนี้เองที่เล่ากันว่าชาห์จาฮัน ถูกพระโอรส ออรังเซบถูกจองจำไว้ 7 ปี ในช่วงปลายรัชกาลจนสิ้นพระชนม์ แล้วนำชมลานสวนประดับดิวันอีอาอำที่ชั้นบนด้านหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานบัลลังก์นกยูงอันยิ่งใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิหร่าน) และที่ลานสวนประดับแห่งนี้เองที่พระเจ้าชาห์จาฮัน ได้พบรักครั้งแรกกับพระนางมุมตัซ ที่นำสินค้าเป็นสร้อยไข่มุกเข้ามาขายให้นางในฮาเร็ม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองเดลลี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่ที่พักโรงแรม CROWNE PLAZA HOTEL หรือเทียบเท่า (4 ดาว)
วันที่ 5 เดลลี – สนามบิน – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยได้เวลาอันสมควรนำเดินทางสู่สนามบินนานาชาติอินธิรา คานธี กรุงนิวเดลลี
14.00 น. เหิรฟ้ากลับสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์อินเดีย AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI332
19.15 น. คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

รายละเอียดสินค้า ทัวร์อินเดีย 99KGH-AI-INDIA-5D4N

ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 02-3314146,0922518139
  • 08 ก.ย. 2557 15:21 น.


คำเตือน!! อย่าโอนเงิน มัดจำล่วงหน้า ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ควรนัดเจอกัน พื้นที่โล่ง ไม่ไปคนเดียว และตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงินทุกครั้งที่มีการซื้อขาย